วันอาทิตย์ , พฤษภาคม 19 2024
Breaking News
Home / สุขภาพ / 15 คู่อาหาร ที่ห้ามกินพร้อมกัน อาหารที่ไม่ควรกินด้วยกัน แยกได้แยก

15 คู่อาหาร ที่ห้ามกินพร้อมกัน อาหารที่ไม่ควรกินด้วยกัน แยกได้แยก

การกินเป็นเรื่องสำคัญ อย่างที่เราเคยได้ยินประโยคที่ว่า You are what you eat กินอะไรร่างกายก็จะเป็นแบบนั้น และสำหรับใครที่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของ คู่อาหารที่ห้ามกินคู่กัน หรือ อาหารคู่มรณะ ก็ตามเรามาดูกันเลยค่ะ ว่ามีอาหารอะไรบ้าง ที่ไม่ควรทานพร้อมกัน บอกเลยว่าบางคู่มาช็อก เพราะกินคู่กันมาตลอดแบบไม่รู้ตัวเลยจ้า ซึ่งคู่อาหารที่ไม่ควรกินร่วมกันนี้ก็มีทั้งของหวาน เครื่องดื่ม และของคาว ถ้าอยากรู้แล้วว่ามีคู่ไหนบ้าง ก็ตามเรามาดูกันเลย

คู่อาหารที่ห้ามกินพร้อมกัน อาหารที่ไม่ควรกินด้วยกัน

1.ทุเรียน & เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ห้ามกินทุเรียนพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะในทุเรียนมีกำมะถันอยู่มาก ซึ่งกำมะถันเป็นสารที่ละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ ทำให้สารนี้จะเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว ทำให้เมาเร็ว ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อระบบหายใจได้ นอกจากนี้การทานทุเรียนพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่างกายจะได้รับพลังงานในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดกระบวนการ เผาผลาญเพื่อกำจัดของเสียเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้เกิดอาการหน้าแดง ชา วิงเวียนและอาเจียน หรือหากนำส่งโรงพยาบาลไม่ทันก็อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

2.ทุเรียน & น้ำอัดลม

ไม่ควรทานทุเรียนพร้อมน้ำอัดลม เพราะทั้งน้ำอัดลมและทุเรียน เป็นอาหารที่มีรสชาติหวานจัด และมีปริมาณน้ำตาลสูงมาก เมื่อทานพร้อมกันจะทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป ยิ่งในผู้ป่วยโรคเบาหวาน อาจจะทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดสูง และส่งผลเสียต่อร่างกายได้

3.ทุเรียน & ลำไย

ทุเรียนกับลำไย เป็นผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลที่สูงมากทั้งคู่ ให้พลังงานที่สูง และเป็นผลไม้ที่ให้ฤทธิ์ร้อน หากกินคู่กันทำให้ความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้น อาจเกิดอาการร้อนใน และในผู้ป่วยโรคเบาหวานยิ่งควรต้องหลีกเลี่ยงหารทานทุเรียนพร้อมลำไย

4.ผักโขม ปวยเล้ง & เบคอน

อย่างที่เรารู้กันว่าปวยเล้ง และผักโขม เป็นผัดที่มีประโยชน์มากๆ มีสารอาหารที่ดี และจำเป็นต่อร่างกายในปริมาณที่สูง ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน ธาตุเหล็ก และแคลเซียม ซึ่งในเบคอนจะมีกรดฟอสฟอริค หากรับประทานเบคอนคู่กับผักโขมหรือปวยเล้ง กรดฟอสฟอริคจะเข้าไปขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กและแคลเซียม และที่สำคัญจะส่งผลให้กรดไนตริกที่อยู่ในปวยเล้งและผักโขม เปลี่ยนเป็นกรดดินประสิว ซึ่งเป็นกรดที่ให้โทษแก่ร่างกาย ถ้าได้รับในปริมาณที่มาก และเวลานานอาจก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งได้

5.ของทอด & แตงโม

การทานของทอดพร้อมแตงโม ฟังดูอาจจะไม่น่ามีอะไรที่เข้ากันไม่ได้ แต่บอกเลยว่าคู่อาหารนี้เป็นคู่ที่ไม่ควรทานด้วยกันค่ะ เพราะของทอดต่างๆ เป็นอาหารที่มีปริมาณน้ำมันสูง และอมน้ำมันมาก ส่วนแตงโมเป็นผลไม้ที่มีน้ำเยอะ มีฤทธิ์เย็น ทำให้ภายในร่างกายมีความเย็น และช่วยระบายได้ด้วย เมื่อทานแตงโมคู่กับของทอด จะทำให้ภายในกระเพาะอาหารเต็มไปด้วยน้ำและน้ำมัน ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดอาหารถ่ายเหลว หรือท้องเสียได้

6.นม & ผัก หรืออาหารที่มีเส้นใย(ไฟเบอร์)สูง

เส้นใย(ไฟเบอร์) หรือไฟเบอร์จากผักชนิดต่างๆ มีหน้าที่ ดูดซับไขมัน ดังนั้นการดื่มนมพร้อมกับผักจะทำให้ใยอาหารจากผัก ผลไม้ หรืออาหารที่มีเส้นใย(ไฟเบอร์สูง) นั้นไปขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมและแร่ธาตุของร่างกาย ควรดื่มนมให้ห่างจากมื้ออาหาร

7.ไข่ต้ม & กาแฟ (เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน)

การทานไข่ต้มกับกาแฟ อาจจะเปนอาหารเช้ามื้อเร่งด่วนของใครหลายคน แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาหาร 2 ชนิดนี้ไม่ควรที่จะนำมาทานคู่กันค่ะ เพราะในกาแฟ ชา หรือ เครื่องดื่มที่มีคาเฟ่อีน สารคาเฟ่อีนนั้นจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับสารซัลเฟอร์ในไข่ต้ม ซึ่งจะเกิดการขัดขวางการดูซึมธาตุเหล็กของร่างกาย ทำให้ร่างกายได้รับธาตุเหล็กในปริมาณที่น้อยลง หากอยากทานไข่คู่กับกาแฟจริงๆ ควรเปลี่ยนเป็นไข่ดาว หรือไข่เจียว จะดีกว่า

8.น้ำผึ้ง & ชาร้อน หรือ น้ำร้อน

น้ำผึ้ง ไม่ควรนำมาชงพร้อมกับ ชาร้อน หรือ น้ำร้อน เนื่องจาก ความร้อนจะเข้าไปทำลายวิตามินที่อยู่ในน้ำผึ้ง ดังนั้นหากต้องการดื่มชาน้ำผึ้ง ควรจะใช้ชาที่อยู่ในอุณหภูมิห้อง หรือน้ำที่มีอุณหภูมิที่ไม่สูงเกินไป

9.ข้าวสวย & ก๋วยเตี๋ยว

ข้าวสวยและก๋วยเตี๋ยว หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นคู่อาหารที่หลายๆ คนต้องเคยทาน แต่ด้วยความที่อาหารทั้ง 2 ชนิดนี้ มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง เมื่อทานพร้อมกัน ร่างกายจึงต้องใช้วิตามิน B1 มาย่อยสารอาหารพวกนี้ แต่การที่วิตามิน B1 จะย่อยข้าวและบะหมี่พร้อมๆ กันนั้น อาจจะทำให้เกิดการย่อยได้ไม่หมด ทำให้ร่างกายอาจเกิดการอ่อนเพลีย ง่วงนอน หนังตาหย่อน และนอกจากนี้ ข้าวและเส้น เป็นแป้งที่จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในภายหลัง อาจจะทำให้อ้วนได้อีกด้วยค่ะ

10.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ & อาหารรสเผ็ด

เชื่อว่าคอเหล้าทั้งหลายต้องเถียงหัวชนฝา เพราะการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับของแซ่บๆ เผ็ดๆ มักจะเป็นของคู่กันเสมอ แต่ความจริงแล้วทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหารรสเผ็ด นั้นเป็นสารเร่งการไหลเวียนเลือด ซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคความดันโลหิตสูง และเป็นภูมิแพ้ จะต้องระวังมากเป็นพิเศษ

11.กล้วย & เผือก

ในกล้วยและเผือกเป็นอาหารที่มีแป้งสูง ซึ่งการทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่มากเกินไป อาจจะทำให้ร่างกายเกิดอาการท้องอืดได้ แต่ถ้าทานในปริมาณที่ไม่มาก ก็จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

12.ปู & น้ำแข็ง หรือ ไอศกรีม

เพราะปูมีคุณสมบัติทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายเย็นลง เมื่อรับประทานปูพร้อมกับน้ำแข็งไส หรือไอศกรีม ซึ่งการทานอาหารที่มีฤทธิ์เย็นทั้งคู่ จะทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายเย็นลง จึงอาจจะทำให้เราเกิดอาการมวลท้อง ถ่ายเหลว ท้องเสียได้ ยิ่งในผู้ที่มีธาตุอ่อน หรือมีอาหารท้องเสียได้ง่าย ยิ่งควรหลีกเลี่ยงการทานปูและไอศกรีมคู่กัน

13.เนื้อหมู & ไอศกรีม

ข้อนี้สาวกหมูกระทะ ชาบู คงต้องมีคำถามในใจแน่นอน แต่บอกเลยว่าเป็นเรื่องจริงค่ะ เนื่องจากเนื้อหมูเป็นโปรตีนที่ร่างกายต้องใช้เวลาในการย่อยค่อยข้างมาก ถ้าทานร่วมกับของเย็นๆ หรือไอศกรีม ความเย็นจะเข้าไปขัดขวางระบบย่อยอาหารของร่างกายให้ทำงานได้ลดลง ส่งผลให้กระเพาะของเราต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้น และดูดซึมสารอาหารได้ไม่เต็มที่

14.เนื้อสัตว์ กับ แป้ง หรือ มันฝรั่ง

การทานเนื้อสัตรว์ต่างๆ พร้อมกับแป้ง พาสต้า ขนมปัง หรือ แป้งจากมันฝรั่ง เป็นการทานอาหรคู่ที่ไม่เหมาะสมกันค่ะ เพราะจะเป็นการเพิ่มภาระให้ระบบย่อยอาหาร เนื่อนจากการย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ร่วมกับคาร์โบไฮเดรตจากแป้ง จะมีระยะเวลาในการย่อยที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารได้ ซึ่งในระยะยาวจะไม่ส่งผลดีต่อร่างกาย หากต้องการรับประทานแป้งคู่กับเนื้อสัตว์ อาจจะต้องเสริมในส่วนของผักใบเขียวเข้ามา เพื่อให้ระบบย่อยอาหารทำงานอย่างมีสมดุลมากขึ้น

15.กล้วยหอม & นม

เชื่อว่าคู่อาหารนี้หลายๆ คนคงไม่เห็นด้วย เพราะมีความเคยชินกับการทานกล้วยพร้อมนม ไม่ว่าจะเป็นเมนู กล้วยปั่น หรือ Milk Shake กล้วยหอม แต่บอกเลยว่าคู่อาหารนี้ไม่ควรทานพร้อมกันค่ะ เพราะว่าทั้งกล้วยและนมเป็นอาหารที่ค่อนข้างย่อยยากทั้งคู่ การทานกล้วยและนมพร้อมกันจึงเหมือนเป็นการเพิ่มการทำงานของระบบย่อยอาหารให้ทำงานหนัก ดังนั้นหากจะทานกล้วยพร้อมนม ก็อาจจะต้องเสริมตัวช่วยในการกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารอย่างอบเชย (Cinnamon) เข้าไป หรือเปลี่ยนจากการใช้นมวัวเป็นนมจากพืชแทนค่ะ

ที่มา : food.trueid.net/detail

Facebook Comments

Check Also

อาการปวดหลังแบบไหนควรพบแพทย์

เชื่อว่าหลายคนค …