เราเป็นคนหนึ่งที่เคยได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ ว่า เราสามารถทานไข่ไก้ได้มากกว่าวันละ 1 ฟอง แต่หากโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว ควรทานไข่ไก่แค่วันละฟองเท่านั้น แต่แล้วบางคนก็ได้ยินมาอีกเหมือนกันว่า ความเชื่อนี้ไม่จริงเสมอไป แล้วเพื่อนๆ ละ เคยได้ยินมาว่าอย่างไรบ้าง?
ทำไมไข่ไก่ถึงต้องจำกัดจำนวนฟองในการกินในแต่ละวัน?
แม้ว่าไข่ไก่จะมีโปรตีน และสารอาหารอื่นๆ ที่ดีต่อร่างกาย แต่ก็แอบแฝงไปด้วยคอเลสเตอรอล ที่เป็นสาเหตุของโรคร้ายหลายอย่าง เช่น คอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคอ้วน ไขมันพอกตับ และอื่นๆ ดังนั้นจึงมีความเชื่อกันมาตั้งแต่อดีตว่า ควรทานไข่ไก่แค่วันละ 1 ฟองเท่านั้น
ทานไข่ไก่มากเกินไป เป็นอันตรายต่อร่างกายหรือไม่?
แต่หากพูดถึงว่า การทานไข่ไก่เป็นอันตรายต่อร่างกายในแง่อื่นหรือไม่ การได้รับสารอาหารประเภทเดิมๆ มากจนเกินไป ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายอย่างแน่นอน นอกจากเราจะได้รับโปรตีนมากเกินพอดีแล้ว อาจทำให้ไตทำงานหนักเกินไปได้เช่นกัน
เราควรทานไข่ไก่วันละกี่ฟอง?
หากคุณมีร่างกายที่แข็งแรงปกติ ไม่อ้วนเกินมาตรฐาน ไม่เป็นโรคเบาหวาน โรคไต หรือมีความเสี่ยงคอเลสเตอรอลในเลือดสูง สามารถทานไข่ได้เฉลี่ยวันละ 1 ฟอง หรือสัปดาห์ละ 7 ฟอง
แต่ใครที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพดังกล่าว อาจหลีกเลี่ยงไข่แดงที่เป็นส่วนที่คอเลสเตอรอลสูงกว่าไข่ขาวได้
กินไข่อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
- ทานไข่ที่ผ่านกรรมวิธีทำอย่างหลากหลาย อย่าทานแค่เพียงไข่เจียว ไข่ดาว ลองเปลี่ยนหมุนเวียนมาทานไข่ต้ม ไข่ตุ๋น ไข่คน ไข่ดาวน้ำ หรือเมนูไข่อื่นๆ บ้าง เพื่อลดคอเลสเตอรอลส่วนเกินจากน้ำมันที่ใช้ทอดไข่
- ไม่ควรทานไข่ดิบ หรือไข่ลวก เพราะนอกจากจะย่อยยากแล้ว ยังอาจมีเชื้อซาลโมเนลลาที่ทำให้มีไข้ อาเจียน หรือท้องเสีย และคุณค่าทางสารอาหารบางอย่างในไข่อาจให้ผลได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควรจะเป็น
- ทานควบคู่ไปกับอาหารอื่นๆ ไม่ว่าจะข้าวกล้อง หรือผักต่างๆ เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน และดูดซับเอาคอเลสเตอรอลส่วนเกินออกไปบ้าง
- ไม่จำเป็นต้องมีไข่เพิ่มในทุกเมนูอาหารก็ได้ หากเมนูนั้นมีปริมาณโปรตีนจากเนื้อสัตว์ และพืช มากเพียงพออยู่แล้ว
- ในเมื่อในไข่มีทั้งโปรตีน และคอเลสเตอรอล ดังนั้นเราควรทานอาหารประเภทโปรตีน และคอเลสเตอรอลอื่นๆ ให้สมดุล อย่าให้มากจนเกินไป
- เลือกทานไข่ไก่จากแหล่งผลิตที่สามารถเชื่อถือได้ในมาตรฐานความสะอาด ล้างไข่ก่อนนำมาปรุงอาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงการรับเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย
ขอบคุณที่มาจาก :muusatay.blogspot.com
Facebook Comments