ประโยชน์ของโยเกิร์ต เพียงหนึ่งถ้วย แต่ให้สารพัดประโยชน์ ที่คุณจะฟินได้มากกว่าแค่กิน!
ทราบกันดีอยู่แล้วว่าโยเกิร์ตมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย แต่ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือ โยเกิร์ตไม่ได้มีดีแค่กินได้! แต่ยังสามารถนำมาทาและพอกผิวหน้า รวมไปถึงฟื้นฟูผมเสีย หรือจะใช้ขจัดคราบสนิมก็สามารถทำได้ด้วย Women Mthai จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโยเกิร์ตและประโยชน์ของมันให้มากขึ้น ตามมาเลยจ้า…
1. ฟื้นฟูผมเสียให้กลับมาเงางาม
ไม่ว่าคุณจะมีเส้นผมประเภทใดก็ตาม หรือเพิ่งไปลงเคมีจัดๆ กับเส้นผม จนผมเสีย ดูแห้งหยาบกร้าน โยเกิร์ตสามารถเยียวยาเส้นผมและจิตใจของคุณได้ค่ะ เพราะโปรตีนในโยเกิร์ตจะช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผม ซึ่งจะช่วยซ่อมแซมผมที่แตกปลาย ในขณะที่กรดแลคติคจะให้ความชุ่มชื่นแก่เส้นผมของคุณ นอกจากนี้ยังมีวิตามินบี 12 และสารอาหารต่างๆ ที่ช่วยลดรังแคและป้องกันผมหงอกก่อนวันอันควรอีกด้วย
สาวๆ จึงควรหมักผมด้วยโยเกิร์ตบ้าง อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยผสมโยเกิร์ต น้ำผึ้ง และว่านหางจระเข้ ในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาชโลมให้ทั่วเส้นผมตั้งแต่รากจรดปลาย หมักทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น โปรตีนจากโยเกิร์ตและว่านหางจระเข้จะช่วยบำรุงให้เส้นผมชุ่มชื่นสวยงาม
2. ช่วยให้หน้าใส
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า กินโยเกิร์ตช่วยให้ขับถ่ายสะดวก ลำไส้สะอาด ดังนั้นใบหน้าของเราก็ต้องใสอย่างแน่นอน แต่รู้หรือไม่ว่าโยเกิร์ตนั้นสามารถนำมาพอกหน้าเพื่อบำรุงผิวพรรณ และช่วยผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มและขาวกระจ่างใสขึ้นได้ รวมถึงช่วยบรรเทาการอักเสบของสิวได้อีกด้วย โดยโยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง และไม่เป็นอันตรายต่อผิว
หากสาวๆ มีรอยดำจากสิวหรือมีรอยคล้ำจากแดด ลองใช้สูตรโยเกิร์ต 1/2 ถ้วย + นํ้ามะนาว 1 ช้อนชา นำมาพอกลงบนผิวหน้าจนทั่ว โดยพอกหน้าด้วยโยเกิร์ตทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด รับรองหน้าใสไร้สิว และยังช่วยให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ ไม่แก่ก่อนวัยอีกด้วย
3. ใช้ขัดคราบทองเหลืองและทองแดงให้วาววับ
ใช้โยเกิร์ตทาให้ทั่วเครื่องทองเหลือง จากนั้นก็ปล่อยให้โยเกิร์ตแห้ง แล้วจึงเช็ดออกด้วยผ้าที่แห้งและนุ่ม เสร็จแล้วล้างเครื่องทองเหลืองให้สะอาดหมดจดอีกครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีกลิ่นโยเกิร์ตติดอยู่
4. ป้องกันเชื้อรา
สำหรับสาวๆ ที่กังวลเรื่องกลิ่นอับและเชื้อราในช่องคลอด จนเกิดความไม่มั่นใจ แนะนำให้ทานโยเกิร์ตเป็นประจำนะคะ มันช่วยได้จริงๆ เพราะว่าแลคโตบาซิลลัสในโยเกิร์ตนั้น ช่วยลดเชื่้้อราได้
5. ส่งเสริมศิลปะให้ลูก
สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ หยดสีผสมอาหารลงในโยเกิร์ตรสธรรมชาติ แค่นี้คุณก็ไม่ต้องกังวลว่าลูกน้อยจะเผลอกินสีน้ำหรือสีโปสเตอร์เข้าปาก เพราะสีสันสวยๆ จากสีโยเกิร์ตที่คุณทำขึ้นนี้ปลอดภัยและกินได้ แถมยังช่วยส่งเสริมทักษะศิลปะให้ลูกได้อีกด้วย
6. สปาเท้านุ่ม
หากไม่อยากเปลืองเงินไปกับการเข้าร้านทำเล็บแล้วล่ะก็ หยิบโยเกิร์ตมา 1 ถ้วย ผสมเข้ากับวอลนัทบด แค่นี้ก็นำมาสครับเท้าที่หยาบกร้านให้กลับมาชุ่มชื่นนุ่มนวลได้แล้ว
7. ป้องกันแผลในกระเพาะ
ป้องกันแผลในกระเพาะ แลคโตบาซิลลัสจะช่วยหยุดยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ H.Pylori ซึ่งเป็นสาเหตุของแผลในกระเพาะกว่า 90% ที่สำคัญยังช่วยรักษาสุนัขหรือแมวที่มีอาการปวดท้องได้ด้วย โดยเหมาะสำหรับสุนัขและแมวที่มีน้ำหนักไม่เกิน 15 ปอนด์ โดยให้เพิ่มโยเกิร์ต 2 ช้อนชาในมื้ออาหาร 1 ช้อนโต๊ะสำหรับสุนัขขนาดกลาง, 2 ช้อนโต๊ะสำหรับสุนัขที่มีน้ำหนัก 35-85 ปอนด์ และ 3 ช้อนโต๊ะสำหรับสุนัขตัวใหญ่ที่มีน้ำหนัก 85 ปอนด์
8. ช่วยให้ขนสุนัขเงางาม
สุนัขของคุณมีขนหมองคล้ำแม้หลังจากอาบน้ำหรือไม่? ถ้าใช่ ลองเอาโยเกิร์ตชโลมไปที่ขนสุนัข (3 ถ้วยสำหรับสุนัขขนาดใหญ่) นวดให้ซึมและปล่อยทิ้งไว้สัก 5 นาที หลังจากนั้นอาบน้ำให้น้องหมาอีกรอบ คุณจะสังเกตเห็นได้ชัดเจนเลยว่า ขนสุนัขนั้นเงางามขึ้น เพราะโยเกิร์ตทำงานในลักษณะเดียวกับที่ใช้ในการปรับสภาพเส้นผมของเรานี่แหละ
9. ลดอาการไหม้แดด
ว่านหางจระเข้และครีมโกนหนวดไม่ใช่วิธีเดียวที่สามารถรักษาผิวไหม้ได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถบรรเทาพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบได้โดยใช้โยเกิร์ตธรรมดา และปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที โยเกิร์ตไม่เพียงช่วยระบายความร้อน แต่ด้วยคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย จะช่วยยับยั้งการเผาไหม้จากการติดเชื้อและช่วยให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นได้ดีอีกด้วย
ขอบคุณที่มาจาก : mthai.com
Facebook Comments