สมุนไพรเพื่อความงาม
เรื่องความสวยความงามเป็นเรื่องที่สาวๆ ส่วนใหญ่มักไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าจะยังไงก็ขอให้ได้ดูแล และบำรุงตัวเองเสียหน่อย โดยทั่วไปแล้วเราจะพบผลิตภัณฑ์เพื่อความงามมากมาย แพงบ้างถูกบ้าง แล้วแต่สรรพคุณและวัตถุดิบที่กล่าวอ้าง ซึ่งสาวๆ ทั้งหลายก็พ่ายแพ้ต่อสรรพคุณทั้งหลายสุดแต่จะบรรยาย บางคนยอมเสียเงินหลักหมื่นเพียงเพื่อผลิตภัณฑ์ดูแลความงามเพียงชิ้นเดียว บางคนก็เคราะห์ร้าย เสียทรัพย์แล้วยังเสียใจ ด้วยเหตุเพราะเกิดอาการแพ้จนเสียโฉม หรือจะโดนหลอกอ้างสรรพคุณเกินจริงจนเสียเงินเกินความจำเป็น ซ้ำร้ายไปกว่านั้นอาจจะถึงขั้นโดนหลอกขายสินค้าด้อยคุณภาพ ทำเลียนแบบ จากที่จะสวยขึ้น กลับเกิดภาวะแทรกซ้อนทำให้เกิดอันตราย ก็ด้วยว่าผลิตภัณฑ์เพื่อความงามที่เราใช้กันอยู่นั้นล้วนแล้วแต่ผสมสารเคมีทั้งสิ้น เจ้าสารเคมีที่ผสมนั้นก็มีหลายระดับ มีคุณภาพและคุณสมบัติต่างกันไป ซึ่งกว่าเราจะรู้ว่าไม่เหมาะกับผิว ก็ในวันที่เกิดอาการแพ้นั่นแหละ บางคนโชคดีที่มีอาการแพ้ไม่มาก รักษาเดี๋ยวเดียวก็หายขาด แต่บางคนก็แพ้ขั้นรุนแรง ต้องไปเสียค่ารักษาแพงกว่าค่าครีมบำรุง หรือเคราะห์ร้ายไปกว่านั้น บางคนไม่ได้เกิดอาการแพ้ทันที ไม่มีอาการบ่งบอก เพราะสารเคมีสะสมในร่างกายไปเรื่อยๆ แล้วกว่าจะแสดงออกมาก็ตอนที่ร่างกายอ่อนแอ แล้วก็สะสมไปเยอะจนแก้ไขไม่ทัน
สำหรับใครที่อยากจะหลีกเลี่ยงสารเคมีสำหรับบำรุงผิว หรืออยากจะให้ผิวได้พักและได้ฟื้นฟูแบบธรรมชาติ วันนี้ผู้เขียนมีเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับการดูแลความงามมาบอกค่ะ รับรองไม่ต้องจ่ายแพง ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายจากสารเคมี แถมยังสวยครบสูตรมาบอกค่ะ ส่วนใครที่มีต้นทุนผิวดีอยู่แล้ว ก็อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจจนละเลยการดูแลความงามนะคะ คุณก็สามารถเริ่มดูแลผิวพรรณได้ไปพร้อมๆ กันค่ะ
ในบล็อกนี้เราจะมาดูแลความงามกันด้วยสมุนไพรค่ะ สาวๆ หลายคนคงพอจะทราบวิธีดูแลความงามจากสมุนไพรใกล้ตัวไปบ้างแล้ว แต่คราวนี้เราจะมาแนะนำสมุนไพรชนิดอื่นๆ ที่ช่วยดูแลความงามได้ แบบที่คุณอาจจะคาดไม่ถึงเลยก็ได้ค่ะ โดยเราจะแยกสมุนไพรสำหรับความงามไว้ 3 ประเภทดังนี้ค่ะ
- สมุนไพรดูแลผิวหน้า
- สมุนไพรดูแลผิวกาย
- สมุนไพรดูแลเส้นผม
เรามาเริ่มทำความรู้จักสมุนไพรในกลุ่มต่างๆ กันค่ะ
- สมุนไพรดูแลผิวหน้า
ไม่ว่าคุณจะเป็นสิว ผิวคล้ำ หน้าหมอง ผิวแห้ง เราก็สามารถจัดการได้ค่ะ ด้วยสมุนไพรดังนี้
ทุเรียน ลดปัญหาสิวสาว
– อ๊ะอ๊ะ อย่าเพิ่งงงกันไป ผู้เขียนเคยอธิบายสรรพคุณรอบต้นของทุเรียนไปก่อนหน้านี้แล้วว่าเนื้อทุเรียนนั้น มีสรรพคุณช่วยรักษาสิว เพราะในเนื้อทุเรียนมีธาตุกำมะถัน จะช่วยให้สิวแห้งเร็ว วิธีทำก็ง่ายๆ เพียงแค่นำทุเรียนสุกพอห่าม มาหั่นเนื้อเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วปั่นรวมกันดินสอพอง จากนั้นก็นำมาพอไว้ที่หน้า บริเวณที่เป็นสิว หากจะพอกทั้งหน้าก็ย่อมได้ เพียงแค่เว้นพื้นที่รอบๆ ดวงตาและปากไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นานทีแล้วจึงล้างออก จะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น
มะนาว ลดจุดด่างดำ
– หลายๆ คนคงพอจะทราบวันอยู่แล้วว่ามะนาวมีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งเมื่อนำมาใช้กับรอยด่างดำก็จะช่วยให้ผิวบริเวณนั้นกระจ่างใสขึ้น วิธีทำก็เพียงแค่นำน้ำมะนาวมาผสมกับดินสอพอง แล้วพอกหน้าทิ้งไว้ตอนนอน ทำแบบนี้สัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง รับรองคุณจะมีผิวหน้าที่เนียนกระจ่างใสกว่าเดิม
กล้วยหอมลดรอยเหี่ยวย่น
– กล้วมหอมลูกโต สีเหลืองทอง รสชาติอร่อย นอกจากจะช่วยให้อิ่มท้องแล้วยังช่วยให้เราสวยได้ด้วย เพียงแค่เรานำเนื้อกล้วยหอมมาปั่นรวมกับน้ำผึ้นจนเป็นเนื้อเดียวกัน หลังจากนั้นก็นำมาพอกหน้าก่อนนอน ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ทำเช่นนี้สัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง คุณจะพบว่าผิวหน้าจะเนียนนุ่ม สดใส ริ้วรอยค่อยๆ จางลงอีกด้วย
มะขามเปียก เพื่อผิวหน้าขาวเนียน
– ความเปรี้ยวของมะขามเปียกนั้นมีฤทธิ์เป็นกรด เราสามารถนำเนื้อมะขามเปียกมาแช่น้ำพออ่อนนุ่ม ค่อยๆ ขัดเบามือที่ผิว จะเป็นการช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เรามีผิวขาวกระจ่างใสแล้ว ยังจะได้ผิวที่นวลเนียนสะอาดอีกด้วย หรือจะใช้พอกหน้าก็ได้โดยการนำไปผสมกับดินสอพอง แล้วนำมาพอกที่หน้าประมาณ 15 นาทีก่อนเข้านอน ทำเช่นนี้สัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง ผิวเราจะเริ่มปรับสภาพอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้มะขามเปียกยังจะช่วยลดริ้วรอยบนผิวอีกด้วยค่ะ
- สมุนไพรดูแลผิวกาย
หลังจากดูแลผิวหน้าด้วยสมุนไพรจากธรรมชาติจนผิวกระจ่างใสกันแล้ว อย่าลืมดูแลผิวกายให้สวยควบคู่ไปกับผิวหน้ากันนะคะ นอกจากจะมีสมุนไพรสำหรับผิวหน้าแล้ว เราก็มีสมุนไพรสำหรับผิวกายนะคะ
เปลือกกล้วยหอม ลดรอยหยาบกร้าน
– หลังจากที่เราใช้เนื้อกล้วยหอมมาพอกหน้าจนได้ผิวหน้านุ่ม ไร้ริ้วรอยไปแล้ว เปลือกที่เหลืออย่าเพิ่งทิ้งนะคะ เราสามารถนำมาช่วยลดรอยหยาบกร้านได้ แค่นำด้านในของเปลือกกล้วยหอมสุก มาถูเบาๆ บริเวณที่มีริ้วรอยหยาบกร้าน ครั้งละ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำเช่นนี้บ่อยๆ จุดที่เคยหยาบกร้านก็จะนุ่มชุ่มชื้นขึ้น
มะขามเปียก บำรุงผิวกายให้ใส ไร้รอยหมองคล้ำ
– หลังจากที่เราแบ่งมะขามเปียกไปใช้ในการขัดและพอกหน้าแล้ว ยังมีเนื้อมะขามเหลืออยู่ เราก็นำมาคั้นกับน้ำต้มสุก แล้วกรอกเอาแต่น้ำข้นๆ หลังจากนั้นนำมาผสมกับนมสด ใช้ทาพอกตัวทิ้งไว้ก่อนอาบน้ำ พอแห้งแล้วถึงอาบน้ำปกติ
- สมุนไพรดูแลเส้นผม
เราใช้สมุนไพรดูแลทั้งผิวหน้าและผิวกายไปแล้ว อย่าลืมดูแลเส้นผมด้วยนะคะ ปกติเราคุ้นชินกับการใช้สมุนไพรเพื่อบำรุงผิวกันใช่ไหมคะ? แต่คราวนี้เรามีเรื่องราวของสมุนไพรที่ใช้กับเส้นผมมาบอกค่ะ ผมของใครที่ผ่านการทำเคมีมาเยอะจนผมเสีย ฟื้นฟูยาก ลองหันมาบำรุงด้วยสมุนไพรกันค่ะ เพื่อผมของเราจะได้แข็งแรง ไม่หลุดร่วง และมีความเงางามสุขภาพดีไปอีกนานๆ ค่ะ
กระเทียม รักษารากผม และชะลอผมหงอก
– ใครที่มีปัญหาผมหลุดร่วงง่ายเวลาสระผม หรือหวีผม หรือใครที่กังวลว่าผมหงอกจะมาเร็วกว่าอายุ ลองใช้กระเทียมสดซอยบางๆ หมักกับน้ำมันมะกอกไว้ในภาชนะผิดมิดชิดสัก 2 วัน หลังจากนั้นจึงนำมานวดให้ทั่วศีรษะ เสร็จแล้วนำผ้าขนหนูอุ่นๆ โพกหมักผมเอาไว้ประมาณ 30 นาที ในระหว่างนั้นให้หมั่นเปลี่ยนผ้าขนหนูให้อุ่นอยู่เสมอ เสร็จจึงน้ำออกด้วยน้ำสะอาด และสระผมปกติ ทำเช่นนี้ 2 – 3 สัปดาห์ สุขภาพเส้นผมจะกลับมาดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ
มะกรูด ลดความมันของเส้นผม และช่วยให้ผมดกดำ
– นำน้ำมะกรูดมาชโลมเส้นผมทิ้งไว้ประมาณ 15 – 30 นาที ก่อนสระผม ทำเช่นนี้ เดือนละ 2 – 3 ครั้ง จะช่วยลดความมันส่วนเกินบทเส้นผม อีกทั้งยังช่วยทำให้ผมกลับมาดำเงางามได้โดยไม่ต้องพึ่งยาย้อมผมเลยล่ะค่ะ
กล้วยหอม เพิ่มน้ำหนักให้เส้นผมสปริงตัวสวย
– กล้วยหอมนี่สารพัดประโยชน์จริงๆ เลยนะคะ นอกจากเราจะใช้เนื้อพอกหน้าเพิ่มความนุ่มแล้ว ยังสามารถนำเนื้อกล้วยหอมมายีแล้วหมักเส้นผมสักประมาณ 15 – 20 นาที แล้วจึงล้างออก ทำเช่นนี้เดือนละ 2 – 3 ครั้ง รับรองค่ะ จากผมชี้ฟูไม่มีน้ำหนัก จะกลายเป็นผมที่มีน้ำหนัก สปริงตัวสวย และจัดแต่งทรงได้ง่ายด้วยค่ะ
ว่านหางจระเข้ ช่วยลดผมเสีย
– ว่านหางจระเข้ นอกจากเป็นสมุนไพรช่วยลดอาการแสบร้อน พุพองแล้ว ยังช่วยบำรุงผมอีกด้วยค่ะ เพียงแค่นำวุ้นของว่านหางจระเข้มาปั่นให้ละเอียด แล้วหมักผมทั้งไว้ 15 – 20 นาที จะช่วยบำรุงเส้นผมให้กลับมาสวยได้ค่ะ
ตะไคร้ ช่วยลดผมแตกปลาย
– ผมของสาวๆ หลายคนผ่านกรรมวิธีการแต่งทรงมาเยอะ ไม่ว่าจะเป่าลมร้อน ดัด ย้อม ยืด หรือจะผ่านมลภาวะต่างๆ จากการเดินทาง ทำให้เส้นผมที่เคยสวยเกิดการแตกปลาย แก้ยังไงก็ไม่หาย ลองนำตะไคร้มาปั่น คั้นเอาแต่น้ำ และจึงนำน้ำที่ได้มาหมักผมทิ้งไว้ 15 – 20 นาที ทำได้เรื่อยๆ ตามต้องการ ก็จะช่วยฟื้นฟูผมที่แตกปลายของคุณได้ค่ะ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างสมุนไพรสำหรับความงามแค่นั้นนะคะ ซึ่งจริงๆ แล้ว รอบๆ ตัวเรามีสมุนไพรมากมายหลายชนิดๆ ที่สามารถนำมาใช้สำหรับดูแลความงามได้ค่ะ อ่านบล๊อกนี้จบแล้ว อย่าลืมกลับไปสำรวจบ้านดูนะคะ ไม่แน่ในครัวคุณอาจจะมีสมุนไพรที่ช่วยดูแลความงามได้อย่างครบสูตรเลยล่ะค่ะ
ขอบคุณที่มาจาก : sweetenmellow.blogspot.com
Facebook Comments