ในปัจจุบันเมนูอาหารที่เหมาะสำหรับคนลดความอ้วนมีมากมาย บางคนเลือกเมนูอาหารที่มีแป้งน้อยเพราะใช้สูตรลดน้ำหนักแบบโลว์คาร์บ ในขณะที่หลายคนเลือกที่จะลดความอ้วนด้วยการนับแคลอรี่ของอาหารแต่ละเมนู แต่ก็มีอีกหลายเมนูที่พวกเขามักจะหลงลืมกันไป เพราะว่านิสัยส่วนตัวที่คนอ้วนมักจะเผลอเรอกินอาหารเมนูเหล่านี้ วันนี้เราขอเตือน 5 เมนูอาหารต้องห้ามเมื่อคุณกำลังอยู่ในช่วงลดความอ้วนครับ
เมนูที่ 1 ข้าวโพดคั่วและขนมขบเคี้ยวต่างๆ
เวลาคุณไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์ หลายๆ คนมักจะชอบซื้อข้าวโพดคั่ว (Popcorn) พร้อมกับเครื่องดื่มน้ำอัดลม ด้วยความเพลิดเพลินของภาพยนตร์ และความหวาน หอม มัน กินไม่รู้อิ่มของข้าวโพดคั่ว ช่างเป็นของว่างที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการดูภาพยนตร์ แต่มันไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่กำลังลดความอ้วน เพราะข้าวโพดคั่ว 1 ถุงอาจจะให้พลังงานสูงถึง 570 แคลอรี่ หรือเทียบเท่ากับกินข้าวขาหมู 1 จานพูนๆ เลยทีเดียว!
สำหรับขนมคบเคี้ยวนั้น โปรดสังเกตให้ดีกับฉลากสินค้าที่บอกบนถุงว่า ขนมห่อนี้ให้พลังงานเท่าไร บางครั้งคุณอย่าเผลอเข้าใจผิดหลงเชื่อฉลากคำบอกบนถุงว่า “มีแคลอรี่ที่ 95 เท่านั้น” เพราะมันหมายถึง 1 หน่วยบริโภคจะได้ 95 แคลอรี่ แต่ต้องอ่านต่อท้ายด้วยว่า ขนมขบเคี้ยวห่อนั้น 1 ห่อเทียบเท่ากี่หน่วยบริโภค เพราะขนมบางยี่ห้อหนึ่งห่อมีถึง 4-6 หน่วยบริโภค นั้นหมายความว่าถ้าคุณกำลังลดความอ้วนอยู่แล้วเผลอกินขนมขบเคี้ยวนั้นจนหมดห่อคนเดียว คุณจะได้พลังงานถึง 380 – 570 แคลอรี่
ในขณะที่ร่างกายของคนทั่วไปต้องการแคลอรี่เฉลี่ยเพียงแค่วันละ 1,500-2,000 แคลอรี่ต่อวันเท่านั้น ถ้าคุณกินข้าวโพดคั่ว, ขนมขบเคี้ยวอย่างละ 1 ห่อ แค่นี้ก็กินไป 500-1,000 แคลอรี่แล้ว ไม่รวมอาหารอื่นๆ ที่ต้องกินอีก 2-3 มื้อในแต่ละวัน จึงไม่แปลกที่ข้าวโพดคั่วและขนมขบเคี้ยวจึงเป็นเมนูอาหารต้องห้ามสำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วน เพราะนอกจากจะกินเท่าไรก็ไม่อิ่มแล้ว ยิ่งกินก็ยิ่งอ้วนเพิ่มเติมอีกต่างหาก
เมนูที่ 2 กาแฟร้อนและเย็น (ชงแบบไทยๆ)
กาแฟแบบฝรั่ง ส่วนมากจะเป็นส่วนผสมระหว่างกาแฟสด 1 หน่วย, ฟองนมหรือนมจืดที่อุ่นจนร้อน 1 หน่วย และ/หรือ น้ำเชื่อม 1 หน่วย (จะมีน้ำเชื่อมกรณีเป็นกาแฟเย็น) ซึ่งจะแตกต่างจากกาแฟสูตรที่คนไทยชงกัน เพราะส่วนผสมของมันจะมีทั้ง กาแฟ, ฟองนมหรือนมจืด, น้ำตาล, นมข้นหวาน และ/หรือ น้ำเชื่อม 1 หน่วย (กรณีเป็นกาแฟเย็น) ซึ่งกาแฟสูตรของคนไทยที่ชงกันเยอะๆ ตามท้องถนนหรือร้านค้าทั่วไปก็มักจะใส่ทั้งนมข้นหวาน น้ำตาล ฯลฯ ทำให้เมนูกาแฟเย็นของคนไทยที่ดื่มๆ กัน 1 แก้วนั้น จะได้แคลอรี่สูงถึง 200-300 แคลอรี่ ลองคิดดูว่าถ้าเรากินกาแฟเย็นวันละ 2 แก้ว ร่างกายก็ได้แคลอรี่ถึง 400 – 600 แคลอรี่แล้ว
ดังนั้นหากใครที่อยากกินกาแฟในช่วงที่กำลังลดความอ้วนอยู่ ขอแนะนำกาแฟดำ อาจจะเลือกว่าอยากจะใส่นมหรือน้ำตาล นมที่ใส่ขอแนะนำว่าอย่าเป็นนมข้นหวาน แต่เป็นนมจืดแบบพร่องมันเนยจะดีกว่า
เมนูที่ 3 น้ำสลัด
เมนูสลัดผัก อาจจะเป็นเมนูที่สาวๆ หรือใครๆ ที่กำลังลดความอ้วนคิดว่าน่าจะได้แคลอรี่น้อยที่สุด แต่ขอโทษครับมันผิดถนัด! จริงอยู่ว่าผักในสลัดไม่ทำให้คุณอ้วน แต่ตัวที่ทำให้คุณอ้วนคือตัวที่ทำให้สลัดผักของคุณอร่อยมากขึ้น… น้ำสลัดที่ราดลงบนผักสลัดนั้นเอง!
น้ำสลัดแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ แบบน้ำข้น และแบบน้ำใส น้ำข้นก็มีหลายแบบ เช่น น้ำสลัดครีม, น้ำสลัดแบบซีซ่าร์ และอีกสารพัดสูตร หรือน้ำสลัดใสก็จะมีหลายแบบ หลากหลายยี่ห้อ แต่ทุกยี่ห้อคุณทราบหรือไม่ว่าส่วนประกอบของมันทำมาจากอะไร… หากเป็นน้ำสลัดแบบถูกๆ ส่วนผสมหลักของมันจะมาจากน้ำมันพืชครับ! หากเป็นน้ำสลัดยี่ห้อดีๆ หน่อย น้ำมันที่นำมาใช้เปนส่วรประกอบจะเป็นน้ำมันมะกอก ซึ่งน้ำมันมะกอกเพียง 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงานสูงถึง 120 แคลอรี่ แม้ว่าน้ำมันมะกอกจะมีผลดีต่อร่างกาย แต่การกินสลัดโดยราดน้ำสลัดมากๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะพลังงานมันจะมากขึ้นด้วยเช่นกัน
เมนูที่ 4 น้ำผลไม้คั้น
เดี๋ยวนี้ตามสำนักงานออฟฟิตในเมือง ผมมักจะเห็นร้านที่ขายน้ำผลไม้สด คือเอาผลไม้สดๆ มาคั้นในเครื่องแยกกาก ใส่ขวด แช่เย็น แล้วขายให้ลูกค้า ผมอยากจะบอกว่า อย่างน้ำส้มคั้น 1 ขวดที่คุณซื้อกินนั้น มันมาจากส้มหลายสิบลูก บางร้านหัวหมอแอบใส่น้ำเชื่อมผสมเกลือเล็กน้อยเพื่อให้ได้ปริมาณมากขึ้น แต่บางร้านก็เป็นน้ำส้มเพียวๆ
แต่สิ่งที่จะบอกเตือนคือ น้ำผลไม้ 1 ขวดพร้อมดื่มนั้น มันให้พลังงานสูงกว่าการกินผลไม้ทั้งผลเสียอีก เช่น คุณกินส้ม 1 ลูก อาจจะได้พลังงานประมาณ 50-62 แคลอรี่ (โดยประมาณ) แต่ที่ได้มาด้วยคือกากใย ไฟเบอร์อื่นๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกอิ่ม แต่เมื่อส้มถูกแปรสภาพเป็นน้ำ แถมยังหวานชื่นใจ คุณซัดไป 1 ขวดใหญ่ คิดว่ามันมีส้มกี่ลูกละครับกว่ามันจะเต็มขวดนั้น อย่างน้อยๆ ก็ต้อง 5-10 ลูกกว่าจะได้น้ำส้มเต็มขวด ไม่แปลกที่คุณจะได้พลังงานถึง 250-500 แคลอรี่กับการกินน้ำส้ม 1 ขวด นี่ยังไม่รวมถ้าเจอร้านค้าหัวหมอเติมน้ำตาล เกลือ ให้คุณอีก
ทางแก้คือ สำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วน คุณควรทานผลไม้สดดีกว่าการคั้น เพราะคุณจะได้กากใยเป็นของแถมด้วย และกากใยมีผลอย่างมากในการลดน้ำหนัก เพราะมันช่วยทำความสะอาดลำไส้ ทำให้ลำไส้สามารถดูดซึมสารอาหารได้ดี เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารเต็มที่มันก็ทำให้คุณอิ่มนานขึ้นในแต่ละมื้อด้วยเช่นกัน
แต่ผลไม้หรือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลไม้บางอย่างคุณก็ควรจะงดกินเช่นกันถ้ากำลังลดความอ้วนอยู่ เช่น ลูกเกดที่ทำมาจากองุ่น แม้ว่ามันจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ลูกเกด 1 ถ้วยตวงก็ให้แคลอรี่ 210 แล้ว อย่าเผลอกินเพลินๆ หมดกล่องทีเดียวละ จะอ้วนกว่าเดิมไม่รู้ตัว!
เมนูที่ 5 คุ๊กกี้และแครกเกอร์ธัญพืช
แม้ว่าคุณจะเลือกคุ๊กกี้หรือแครกเกอร์แบบธัญพืช จะเลือกแบบคาร์โบไฮเดรตน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่อย่าลืมว่า คุ๊กกี้และแครกเกอร์ไม่ได้ทำจากแป้งเพียวๆ มันยังมีส่วนผสมของไขมันอื่นๆ ด้วย แม้ว่ามันจะมีใยอาหารที่เหมาะกับร่างกาย แต่การกินแครกเกอร์หรือคุ๊กกี้ที่มีส่วนผสมของธัญพืช ไม่ได้ช่วยให้คุณลดความอ้วนได้นะครับ กลับซ้ำร้ายทำให้อ้วนกว่าเดิมด้วย คำว่าธัญพืชในผลิตภัณฑ์ ไม่ได้มีผลดีต่อคนที่กำลังลดน้ำหนักเสมอไปนะครับ
ในปัจจุบันท้องตลาดเต็มไปด้วยสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ อะไรๆ ก็มีธัญพืชนั้นนี่โน้น ขนมปังผสมธัญพืชที่หลายคนคิดว่ากินแล้วไม่อ้วน แต่เขาไม่รู้หรอกว่าธัญพืชที่เขาใส่นั้นเขาใส่เป็นแค่ส่วนผสมหรือเอาธัญพืชมาทำเป็นส่วนผสมหลัก หากเป็นแค่ส่วนผสมเสริม ก็แสดงว่าส่วนผสมหลักยังไงก็ยังเป็นแป้งสาลี หรือแป้งอื่นๆ อยู่ดี
นี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทำไมคนที่กำลังตั้งใจลดความอ้วนแต่มักจะไม่เห็นผล เพราะพวกเขาเข้าใจผิดและเผลอกินอาหารเหล่านี้ลงไปโดยคิดเอาเองว่า ฉันน่าจะผอมนะเพราะฉันควบคุมอาหาร ฉันเลือกอาหารมาอย่างดี แต่เสียใจด้วยว่าคุณลืมข้อมูลอะไรหลายๆ อย่าง นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถลดความอ้วนได้สักที
การจะลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนให้ได้ผลในระยะยาว จริงๆ จะว่ายากมันก็ยาก จะว่าง่ายมันก็ง่ายนะ มันก็คงจะคล้ายๆ กับการทำตัวเองให้อ้วนนั้นแหละครับ บางคนบอกว่าฉันกินนิดเดียวก็อ้วนแล้ว.. ขอบอกว่ามันไม่จริงครับ! ถ้าคุณบอกว่าคุณกินนิดเดียวแล้วอ้วน แสดงว่าคุณต้องกินอะไรที่มันให้พลังงานมหาศาลอลังการงานสร้างมากทีเดียว ขนาดที่ว่ากินไปแค่นิดเดียวก็อ้วนแล้ว
ขอบคุณที่มาจาก : wecandiet.com
Facebook Comments