วันพุธ , พฤษภาคม 8 2024
Breaking News
Home / ลดน้ำหนัก / เช็คลิส 5 ความเชื่อผิดๆ ของการออกกำลังกาย.. ที่ก่อให้เกิดผลเสียมากว่าผลดี !

เช็คลิส 5 ความเชื่อผิดๆ ของการออกกำลังกาย.. ที่ก่อให้เกิดผลเสียมากว่าผลดี !

หลากหลายความเชื่อเกี่ยวกับการออกกำลังกายมีทั้งถูกและผิด หลายครั้งผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกายมักมีคำถามและข้อสงสัยมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของชนิด รูปแบบ และระยะเวลา ในการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตัวเอง

 ซึ่งก็แน่นอนว่าทุกวันนี้เมื่อเราต้องการคำตอบหรือข้อมูลที่อยากรู้ ส่วนใหญ่มักเสิร์ชหาในอินเตอร์เน็ตเพราะเป็นช่องทางที่สะดวกรวดเร็วและฟรี เรียกว่าเป็นข้อดีของเทคโนโลยีการสื่อสารในปัจจุบัน ที่ช่วยให้เราเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้เร็วและหลากหลายกว่าในอดีต

        แต่… อีกด้านหนึ่งต้องไม่ลืมเช่นกันว่าข้อมูลเหล่านี้มีทั้งถูกและผิด บางคนไม่ได้รีเช็คตรวจสอบให้ดีและจำไปทำตาม นอกจากทำให้การออกกำลังกายไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจแล้ว ยังอาจทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ

        ทุกวันนี้เมื่อพูดถึงการออกกำลังกายปฏิเสธไม่ได้ว่า จุดมุ่งหมายหลักหลายคนมักโฟกัสไปที่เรื่องของ “รูปร่าง” รองลงมาคือต้องการให้ “ร่างกายแข็งแรง” เมื่อต้องการให้หุ่นดีฟิตแอนด์เฟิร์มควบคู่ไปกับการมีสุขภาพดี คนจำนวนไม่น้อยเลยคิดว่าต้องออกกำลังกายแบบหนักๆ เพื่อหวังให้ร่างกายดึงไขมันที่สะสมมาเผาผลาญ บางคนอาจถึงขั้นจำกัดหรืออดอาหารร่วมด้วย แต่พอทำไปได้สักพักเมื่อพบว่าน้ำหนักไม่ลดลง หรือรูปร่างยังไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างที่คาดหวัง ก็เกิดความท้อใจและล้มเลิกไปในที่สุด !

        ยิ่งสำหรับคนที่มีโครงสร้างหรือรูปร่างใหญ่ด้วยแล้ว การคาดหวังให้น้ำหนักลดลงในระยะเวลาสั้นๆ เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ดังนั้น การปรับเปลี่ยนความเชื่อและทำความเข้าใจ หลักการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี จึงเป็นสิ่งจำเป็นลำดับแรกๆ ที่ทุกคนต้องศึกษาข้อมูล เพื่อให้การออกกำลังกายเกิดประสิทธิภาพและสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้…

เพื่อให้ทุกคนได้ทราบว่าอะไรคือความเชื่อแบบผิดๆ ของการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก เราจึงไปค้นหาและรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องมาบอกต่อ ซึ่งที่่ผ่านมามีอะไรบ้างที่เพื่อนๆ เข้าใจผิดมาตลอด ลองไล่เช็ดดูแต่ละข้อกันได้เลย

“คาร์ดิโอ” หนักๆ ยิ่งเหงื่อออกเยอะยิ่งดี : เชื่อว่าแรกเริ่มของคนที่หันมาออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก จะนึกถึงการ “คาร์ดิโอ” เป็นสิ่งแรกๆ เพราะเป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่ทำได้ง่าย ในกรณีที่ไม่มีเครื่องออกกำลังกายหรือแถวบ้านไม่มีฟิตเนส แค่การเดิน วิ่ง กระโดดเชือก ปั่นจักรยาน หรือเต้นแอโรบิด ก็ถือเป็นการคาร์ดิโอแล้ว ส่วนใครที่เข้าฟิตเนสยิ่งสะดวกเพราะมีเครื่องเล่นมากมาย ให้เลือกออกกำลังกายตามความชอบ ด้วยรูปแบบการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ที่เน้นการเคลื่อนไหวของร่างกายที่ส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้เมื่อออกกำลังกายไปสักพักร่างกายจะเริ่มขับเหงื่อออกมา ซึ่งหลายคนมักเข้าใจผิดคิดว่าการที่เหยื่อออกเยอะๆ เป็นเพราะไขมันถูกดึงมาเผาผลาญเยอะ เลยยิ่งเพ่ิมความหนักและเร็วในการออกกำลังกายมากขึ้น ทว่าในความเป็นจริงแล้วกระบวนการขับเหงื่อนั้น เป็นการรักษาอุณหภูมิในร่างกายตามปกติ ดังนั้น การที่เหงื่อออกเยอะจึงไม่ได้แปลว่าเผาผลาญไขมันได้มาก

เล่น “เวทเทรนนิ่ง” กลัวร่างกายมีกล้ามเป็นมัดๆ : สำหรับใครที่ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการลดน้ำหนักให้ได้ผลดี เชื่อว่าจะต้องพบกับคำแนะนำให้ออกกำลังกายแบบควบคู่กัน ระหว่าง “คาร์ดิโอ” และ “เวทเทรนนิ่ง” สร้างกล้ามเนื้อ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและน่าพอใจ เพราะการมีมวลกล้ามเนื้อที่มากขึ้นจะยิ่งเพ่ิมการเผาผลาญ แม้จะหยุดออกกำลังกายไปแล้วก็ตาม เมื่อทราบอย่างนี้แล้วหลายคนมักเกิดคำถามขึ้นในใจว่า แค่ต้องการลดน้ำหนักทำไมถึงต้องออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อด้วย ยิ่งสำหรับผู้หญิงด้วยแล้วพอบอกว่าต้องยกเวทด้วยนะ ส่วนใหญ่จะค่อนข้างกังวลเพราะมีภาพจำว่าการเล่นเวท จะทำให้กล้ามเนื้อใหญ่และโตเหมือนนักกล้าม แต่เอาเข้าจริงแล้วการสร้างกล้ามเนื้อไม่ได้ง่ายขนาดนั้น จึงไม่ต้องกังวลว่าร่างกายจะกำยำและมีกล้ามโตเป็นมัดๆ ยิ่งใครที่มีเทรนเนอร์คอยแนะนำด้วยแล้ว

“คาร์ดิโอ” ก่อนแล้วค่อยไปเล่น “เวทเทรนนิ่ง” : ข้อนี้เป็นเรื่องที่มักเห็นการถกเถียงกันไปมาว่าจริงๆ แล้ว ควรเล่นอะไรก่อนเพื่อให้ได้ผลดีที่สุดในการออกกำลังกาย ทำให้มือใหม่ที่เสิร์ชหาข้อมูลงงว่าสรุปแล้วควรเล่นอะไรก่อนหลัง ข้อนี้ถ้าเทียบตามความนิยมจากเหล่านักออกกำลังกายและกูรูทั้งหลาย จะแนะนำให้เล่นเวทเทรนนิ่งก่อนเล่นคาร์ดิโอ เนื่องจากเป็นการใช้พลังงานจากกล้ามเนื้อโดยตรง ซึ่แม้จะทำให้กล้ามเนื้อหมดแรงและรู้สึกล้าหลังเล่น แต่ยังพอเหลือแรงไปเล่นคาร์ดิโอแบบเคลื่อนไหวร่างกายในลักษณะต่างๆ เช่น วิ่ง หรือปั่นจักรยาน แต่ถ้าสลับกันโดยการเล่นคาร์ดิโอก่อนอาจทำให้หมดแรง

“เวทเทรนนิ่ง” ยิ่งหนักยิ่งแข็งแกร่ง : ปัญหานี้ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง หลายครั้งที่เวลาไปออกกำลังกายตามฟิตเนส มักเห็นภาพเหล่าชายชาตรียกเวทกันแบบหนักหน่วง หลายคนเพิ่มน้ำหนักลูกเหล็กจนน่ากลัวว่าจะพลาดและเกิดอันตรายหรือไม่ ไม่เพียงเท่านั้นหลายคนยังมีความเชื่อว่าปวดยิ่งต้องซ้ำ สุดท้ายกลายเป็นปวดร้าวไปทั้งร่างกายแบบนี้ถือเป็นการออกกำลังกายจนเกินความพอดี ซึ่งท้ายที่สุดอาจส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าได้ประโยชน์

เล่น “คาร์ดิโอ” กลัวกล้ามหาย : หลายคนเป็นกังวลกับมวลกล้ามที่จะหายไป เพราะกว่าจะเล่นเวทเทรนนิ่งจนเกิดเป็นกล้ามเนื้อ ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าและมุ่งมั่นตั้งใจ เมื่อได้ยินว่าการออกกำลังกายแบบ “คาร์ดิโอ”  ถือเป็นการทำลายกล้ามเนื้อ จึงหลีกเลี่ยงเพราะกลัวกล้ามเนื้อที่สร้างมาด้วยความยากลำบากจะสลายไป แต่อย่างที่ย้ำไปตั้งแต่ต้นว่าการออกกำลังกายให้ได้ผลดีที่สุด ควรเล่นควบคู่กันไประหว่าง “คาร์ดิโอ” เพราะช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อหัวใจและปอด เพิ่มความอดทนและช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดช่วยให้เหนื่อยน้อยลง และ “เวทเทรนนิ่ง” ช่วยในเรื่องการสร้างชั้นกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่ แต่การเล่นเวทเพียงอย่างเดียวจะทำให้ร่างกายจะไม่ทนทานทำให้เหนื่อยง่าย ที่สำคัญงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่าการคาร์ดิโอไม่ได้ทำลายกล้ามเนื้อ เพราะการที่กล้ามเนื้อจะหายไปนั้นต้องเกิดจากการขาดแคลนโปรตีนและสารอาหารในร่างกายอย่างหนักเท่านั้น

        ทั้ง 5 ข้อ ถือเป็นความเชื่อแบบผิดๆ ที่หลายคนคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อรู้แบบนี้แล้วอย่าลืมเอาไปปรับใช้เพื่อให้การออกกำลังกายได้ประโยชน์สูงสุด และสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยก็คือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 วัน แต่ต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่หักโหมจนเกินความพอดี เพราะอาจส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าประโยชน์ที่ควรได้รับนั่นเอง !!!

 

ขอบคุณที่มาจาก : pptvhd36

Facebook Comments

Check Also

วิธีดูแลตัวเองให้หุ่นดี สุขภาพไม่พัง ไม่ต้องอดอาหาร

เคล็ดลับสุขภาพด …